ทำอย่างไรจึงจะได้เกรด A1 ในวิชา Thai mother tongue (3260/01 THAI GCE ORDINARY LEVEL EXAMINATION)

ทำอย่างไรจึงจะได้เกรด A1 ในวิชา Thai mother tongue

(3260/01 THAI GCE ORDINARY LEVEL EXAMINATION)

ก่อนอื่น ครูเคทขอแสดงความยินดีกับลูกศิษย์ของครูที่ได้เกรด A1 และ A2 ในวิชานี้ทุกคนค่ะ   ครูเห็นความขยัน มานะ อดทนและพยายามในตัวพวกคุณตลอดเวลาที่พวกคุณเรียนกับครู  ครูภูมิใจและชืนชมในตัวพวกคุณทุกคนค่ะ

วันนี้ครูอยากจะแบ่งปันประสบการณ์ว่า

ทำไมนักเรียนหลายคนจึงพลาด  เกรด A1 ในวิชา Thai mother tongue  (3260/01 THAI GCE ORDINARY LEVEL EXAMINATION)

ก่อนอื่นขอให้นักเรียนทราบก่อนว่า ในการสอบของทุก ๆ  ปี  นักเรียนจะมีเวลาทั้งหมดในการทำข้อสอบ 3 ชั่วโมง  คะแนนเต็ม 100 คะแนน  

ข้อสอบมีทั้งหมด 3 section คือ 

Section A – Composition  (50 marks)

นักเรียนต้องเลือกทำเพียง  2  หัวข้อ จากทั้งหมด  5 หัวข้อ  ส่วนนี้มีคะแนนทั้งหมด 50 คะแนน หมายความว่า มีคะแนนหัวข้อละ 25 คะแนน (2 x 25 = 50 )  ซึ่งข้อสอบจะกำหนดให้นักเรียนเขียน Composition ประมาณ 150 คำ ต่อ 1 หัวข้อ

       หัวข้อที่ให้เลือกจะมีดังนี้คือ

       •express an opinion

•communicate by letter

•narrate a story or series of events

•describe a scene or occasion

•compose or report a dialogue.

ใน section A นักเรียนหลาย ๆ คนมักจะผิดพลาดในเรื่อง

       1 การเขียน essays สั้นเกินไป ทำให้ไม่สามารถประเมินทักษะของนักเรียนในการเขียนภาษาไทยได้ดีเท่าที่ควร  

       There were those who wrote a very short essays which result in not showing off their ability to write Thai .Therefore it is affecting the marks awarded.

       2 นักเรียนส่วนใหญ่เขียน essays ด้วยความยาวในการเขียนที่เหมาะสมดีมาก     แต่นักเรียนบางคนเขียน essays ยาวจนเกินไป ทำให้นักเรียนใช้เวลาส่วนมากไปในการทำข้อสอบใน Section A มากเกินไป  นักเรียนจึงมีเวลาเหลือในการทำข้อสอบใน section B และ C น้อยลง   อีกทั้งทำให้ไม่มีเวลาเหลือพอสำหรับการตรวจทานให้รอบคอบอีกครั้งก่อนที่จะส่งงาน   

Most students kept essays to a resonably length . However some wrote very long essays .It could be the case that students spent most of the time allowed in the examination on this section and this might have affected their ability and time to answer other section and double check their spelling or some simple mistakes or improve the writing considerably before submitting the paper.  

       3 ปัญหาหลักคือการสะกดคำผิด  ทำให้เสียคะแนน  ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่ง  เพราะนักเรียนบางคนเขียนเนื้อเรื่องได้ดีมาก  มีจินตนาการได้ยอดเยี่ยม  หลักภาษาไทยก็ถูกต้อง  ซึ่งควรจะได้คะแนนดี แต่การสะกดคำผิดจึงทำให้เสียคะแนนไป

       Spelling is still problematic for large number of students. Many students losing marks on this .As many studens came up with well-written essays , imaginative  and grammatically correct and they should gained most of their marks but mistake came from misspelling.

       4. ในการเขียน essays นักเรียนควรจะเขียนด้วย style การเขียนแบบเดียวกันตลอดในหัวข้อเดียวกัน 

       It is an advice to keep to one style of writing throughout.

       5. นักเรียนต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำศัพท์แปลก ๆ คำแสลง ศัพท์วัยรุ่นหรือศัพท์ที่ไม่เป็นทางการ (very informal vocabulary)

เช่น   เฮ้   ฝุด ๆ   อะไร (วะ)  อย่าเผือก

       Students are advised to avoid using very informal vocabulary which is not widely accepted.        

       6. น่าประหลาดใจที่นักเรียนหลายคนไม่ได้อ่านคำถามในหัวข้ออย่างระมัดระวัง   น่าเสียดายที่  นักเรียนบางคนเขียน essays ดีมากแต่ไม่ได้ตอบคำถามในหัวข้อนั้นเลย จึงทำให้นักเรียนเสียคะแนนส่วนนี้ไป

       There was surprising number who did not read the questions properly . Unfortunately , some wrote very good essays but did not answer the question on the topics selected and hence lost a chance to gain marks.

คำแนะนำ

          1. ก่อนที่นักเรียนจะลงมือเขียน essays ลงในกระดาษคำตอบ  ครูอยากจะแนะนำให้นักเรียนคิดโครงเรื่องคร่าว ๆ ไว้ก่อน  เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการเขียนซ้ำ ๆ   การเขียนวกวน  หรือ เขียนออกนอกประเด็น

       Creating a draft carefully beforehand would help students structure essays and avoid repetition or digression and dwelling too much on any detail.

          2. ก่อนที่นักเรียนจะส่งกระดาษคำตอบ  นักเรียนควรจะตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง 

  • ตรวจทานดูการสะกดคำให้ถูกต้อง
  • ตรวจดูเนื้อหาที่เขียน  ให้ถูกต้องตามประเด็นหัวข้อที่นักเรียนเลือก
  • นักเรียนต้องเขียนให้ถูกต้องตามหลักภาษาไทย

Before submitting the paper students are advised to double check the answer to remove spelling mistakes and students should likewise check your essays are relevant to your chosen topic. Especially candidates should apply Thai grammatical rules.

Section B – Translation  (30 marks)

          Section นี้มี 2 ข้อ และนักเรียนจะต้องทำทั้ง 2 ข้อ คือ

  • แปลบทความจากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ (10 คะแนน)
  • แปลบทความจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย (20 คะแนน)

Students will be required to:

   •translate a passage from Thai into English (10 marks)

   •translate a passage from English into Thai (20 marks).

ครูเคทอยากจะเล่าจากประสบการณ์ที่สอนนักเรียนไทยที่มาเรียนที่สิงคโปร์  เพื่อเตรียมตัวสอบ  GCE o Level – Thai mother tongue

มาหลายปี 

       นักเรียนทุกคนที่เพิ่งมาเริ่มเรียนคลาสของครู จะคิดว่า section B ง่ายที่สุด  สามารถทำคะแนนได้สบาย ๆ แต่จริง ๆ แล้ว ครูอยากจะบอกว่าส่วนนี้เป็นส่วนทำให้นักเรียนเสียคะแนนมากที่สุดในข้อสอบทั้งหมด  ซึ่งนักเรียนมักจะประมาท และขาดการฝึกฝน

       เรามาดูกันว่า ทำไมนักเรียนส่วนใหญ่จึงพลาดคะแนนดี ๆ จากsection B

นักเรียนบางคนไม่แม่นในภาษา   และมักจะใช้วิธีการแปลแบบคำต่อคำ  ซึ่งทำให้บทความที่นักเรียนแปลออกมาแล้วเป็นภาษาที่ไม่สละสวย และบ่อยครั้งที่ทำให้ความหมายของเนื้อเรื่องเปลี่ยนไปจากต้นฉบับโดยสิ้นเชิง  หรือบางครั้งอาจจะทำให้การแปลนั้น  อ่านแล้วไม่ได้ใจความ   โดยเฉพาะส่วนที่ยากที่สุดคือ การแปลจากบทความภาษาอังกฤษมาเป็นภาษาไทย 

นักเรียนบางคนพยายามที่จะแปลโดยการสรุปบทความที่อ่านและเพิ่มเติมความคิดเห็นส่วนตัวลงไปในการแปล  ซึ่งเป็นการผิดพลาดอย่างมาก

       นักเรียนต้องแปลตามบริบทหลักและเก็บรายละเอียดในบทความ

       นักเรียนต้องอ่านบทความที่แปลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้แน่ใจว่าบทความที่นักเรียนแปลนั้น  ทำได้อย่างสมบูรณ์  ถูกต้องตามหลักไวยกรณ์   แปลความหมายได้ตรงกับบทความต้นฉบับและสามารถอ่านเข้าใจได้ดี

 I would like to share my experience about teaching Thai students who study in Singapore to prepare for their GCE O level Thai paper for many years.

 Many new students who just started to attend my class always think that Section B is the easiest section. Which could help them to gain an easy scores. However, the irony is that students tend to lose most scores in this Section. Also students often overlook the careless mistake that could occurs.

  Let’s see why many students tend to lose marks in this Section.

Some students were not accurate .They translated word by word . As a result , it causes students to render the meaning into fluent Thai .Often it result in changes the meaning of the original passage or sometime may causes the translation making no sense or read well at all. Especially the most challenging part is translation a passage from English into Thai

       Some students tend to  summarise  the passage and add personal comment into their translation. This is a completely wrong.

       Students must follow the main points and details in the passages closely.

       Students must read your translation after you have done the translation to check the translated version is complete, correct grammatically , faithful to the original and fully comprehensible.

Section C – Reading Comprehension (20 marks)

       Section นี้ มีบทความเป็นภาษาไทย  และให้นักเรียนตอบคำถาม เพื่อจะทดสอบความเข้าใจของนักเรียนเกี่ยวกับบทความนั้น ๆ ซึ่งบทความอาจจะมาจากนวนิยาย  สารคดี  หนังสือพิมพ์  นิตยสาร  หรือหนังสืออื่นๆ  

       คำตอบต้องเขียนเป็นภาษาไทย 

One passage in Thai will be set with questions to test the candidates’ general understanding of the gist of the passage as well as their understanding of specific information given. The passage may be drawn from fiction, non-fiction, newspapers, magazines, etc. Answers are to be written in Thai.

       ครูเคทอยากจะบอกว่า  นักเรียนส่วนใหญ่ใช้เวลากับ section C มากที่สุด  ถ้านักเรียนบางคนที่เคยเรียนกับครูยังจำได้  พวกคุณใช้เวลาในการฝึกทำ section C บางครั้งมากกว่า 2 ชั่วโมง  ซึ่งถ้าในการสอบจริง ๆ พวกคุณไม่ได้มีเวลามากมายขนาดนั้น   จำไว้ว่าพวกคุณมีเวลาทั้งหมดในการทำข้อสอบเพียง 3 ชั่วโมง  ซึ่งต้องแบ่งเวลาให้กับข้อสอบในส่วน section A และ section B ด้วย

       นักเรียนหลาย ๆ คน บ่นว่าทำไมข้อสอบวิชาภาษาไทยที่สิงคโปร์  ยากกว่าข้อสอบภาษาไทยที่บ้านเราเสียอีก   นั่นซิค่ะ ! แต่ไม่เป็นไรนะค่ะ  พวกคุณเลือกวิชาภาษาไทยเป็นวิชา Mother tongue แล้วก็พยายามกันต่อไปค่ะ  ครูเอาใจช่วย

       ข้อสอบส่วนนี้ จริง ๆ แล้ว   ถ้านักเรียนมีทักษะในการใช้ภาษาไทยได้เป็นอย่างดี  การตอบคำถามก็ไม่ยากจนเกินไปและคำตอบอยู่ตรงหน้าแล้ว  อยู่ในบทความ บางครั้งคนออกข้อสอบใจดี  ให้คำตอบมาตรง ๆ เลย  แต่ถ้าพวกคุณลอกคำตอบจากบทความมาตอบตรง ๆ จะ  “ไม่ได้คะแนน” ค่ะ มาดูหลักการทำข้อสอบส่วนนี้กันค่ะ 

แนะนำให้นักเรียนอ่านคำสั่งอย่างระมัดระวัง   ในคำสั่งบอกว่าให้นักเรียนตอบเป็นภาษาไทยเท่านั้น นักเรียนบางคนไม่อ่านคำสั่งให้ดี ๆ และตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษ  ซึ่งถึงแม้ว่านักเรียนจะตอบถูกแต่นักเรียนจะไม่ได้คะแนนเลย 

I want to tell you that students mostly spend most of their time in section C. For some student that ever been taught by me would recall that sometime you can take up to more than 2 hours to practice doing this Section. Which in actual exam students don’t have as much time as that. So keep in mind that you only have total of 3 hours in the whole examination. You also have other section to attempt as well.

Many students complaint that “Why examination in Singapore is even harder than in Thailand?” Actually I also do not have the answer to that question. But that is alright as you already have chosen this subject to be your mother tongue subject .Please keep on trying and I will help you along.

In this part of the exam it is actually not too difficult for those who know Thai language very well as the answer is already being shown to you in the passage. Some examiner are kind and give you the answer directly in the passage. However, if you lift the answer you will not score any marks for doing that. Let’s take a look at the grading system.

Student must read and follow the instruction carefully.  They have been asked to answer in Thai. Some student failed to do so and answered the question in English.  Even though students would be answered correctly but will not score at all.

คำตอบอย่างไรจึงจะได้คะแนนสูงนั้น คำตอบของนักเรียนจะต้องอ้างอิงจากข้อมูลที่ให้มาในบทความอย่างชัดเจน   แต่นักเรียนต้องเขียนด้วยคำและประโยคของตัวเอง  ซึ่งถ้านักเรียนสามารถแต่งประโยคได้ดีจะช่วยเพิ่มคะแนนได้

Answers which will score highly are those which refer clearly to the passage and which are rephrased. A good style of writing is very helpful.

ขอย้ำอีกครั้งว่า การเขียนห้ามลอกเอาคำตอบโดยตรงจากบทความ   เพราะการลอกบทความลงมาใส่ในคำตอบ  ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในบทความ คำถามและทักษะ ความสามารถในการใช้ภาษาไทยที่ดีของนักเรียน  ซึ่งบ่อยครั้งที่นักเรียนไม่แม่นในภาษาไทย  จึงทำให้อ่านบทความได้ไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้  นักเรียนจึงใช้วิธีลอกบทความที่คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบ    ทำให้นักเรียนไม่ได้คะแนน

Again do not copy the text for your answers, as this does not sufficiently reflect your comprehension of the texts. Questions and ability to use an appropriate Thai language of students. Often students are not accurate in using Thai language. This result in students not able to clearly understand the text. Student tend to copy from the text which they think it is the answer. As a result they will not score any marks.

ใน section C นักเรียนต้องหลีกเลี่ยงการเขียนความเห็นส่วนตัวลงไปในคำตอบ

นักเรียนบางคนเขียนเพิ่มเติมข้อมูลใหม่ที่ไม่ได้มีอยู่ในข้อความ   ลงไปในคำตอบ    ซึ่งจะทำให้ไม่ได้คะแนนเช่นกัน

For section C student must not add your own comments in the answers

Some students add new information from what is already available in the given text.  This will not score you any marks.

คำตอบจะต้องสมบูรณ์และเป็นข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน  บางคำถาม  ถามเพื่อให้นักเรียนอธิบาย   และบางทีให้นักเรียนยกตัวอย่าง  บางทีข้อมูลอาจจะไม่ได้มาจากย่อหน้าเดียว   นักเรียนจะต้องอ่านอย่างระมัดระวัง

The answers must be complete and contain all relevant information. Some questions asked for explanation and some for examples. Sometime the answers did not come from one part of the passage only. You have to read carefully.

นักเรียนต้องหลีกเลี่ยงการใช้คำที่มีความหมายซับซ้อน  คำที่สละสวยจนเกินไป  ซึ่งนักเรียนไม่แน่ใจในการสะกด

Students must avoid elaborate and fanciful words that they are not sure of the spelling.

râang-gaai sòun năi săm-kan tîi-sùd (dton tîi 2 a-wai-ya-wa paai-nôrk) ร่างกายส่วนไหนสำคัญที่สุด (อวัยวะภายนอก)

picture payu 5

Khun kíd wâa râang-gaai sòun năi săm-kan tîi-sùd ? long kíd lên lên (kíd sà-nùk    sà-nùk)

Thâr rao hĭew kao            dtàe mâi mii khăa dern oòg bpai hăa aa-hăan   mâi mii khăen eârm bpai tîi aa-hăan           mâi mii muu yìb aa-hăan        mâi mii dtaa morng hăa aa-hăan        mâi mii jà-mùuk dom glìn aa-hăan      mâi mii pàrk gin aa-hăan        mâi mii lín rúb-rót aa-hăan           mâi mii fun kíew aa-hăan         mâi mii kor gleun aa-hăan            káe-níi   gôr yâe  láew  

láew   Thâr rao khàd  a-wai-ya-wa dai   a-wai-ya-wa nùng        láew rao jà tam git-jà-gam  nai che-wit dâi yang-ngai

hěn  mái  wâa   a-wai-ya-wa túg sòun      gôr săm-kan  mái nói bpai kwàa  gun      rák-să  mun hâi dii ka                                                           

คุณคิดว่าร่างกายส่วนไหนสำคัญที่สุด  ลองคิดเล่น ๆ (คิดสนุก ๆ )

ถ้าเราหิวข้าว   แต่ไม่มีขาเดินออกไปหาอาหาร   ไม่มีแขนเอื้อมไปที่อาหาร   ไม่มีมือหยิบอาหาร   ไม่มีตามองหาอาหาร   ไม่มีจมูกดมกลิ่นอาหาร    ไม่มีปากกินอาหาร  ไม่มีลิ้นรับรสอาหาร  ไม่มีฟันเคี้ยวอาหาร    ไม่มีคอกลืนอาหาร   แค่นี้ก็แย่แล้ว

แล้วถ้าเราขาดอวัยวะใดอวัยวะหนึ่ง   แล้วเราจะทำกิจกรรมต่างๆในชีวิต ได้ยังไง

เห็นไหมว่า อวัยวะทุกส่วน ก็สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน    รักษามันให้ดีค่ะ

paai-nôrk ภายนอก xternal
khăa ขา leg
khăen แขน arm
eârm เอื้อม reach with the arm
muu มือ hand
dtaa ตา eyes
morng มอง look ,  watch
morng hăa มองหา look for
jà-mùuk จมูก nose
dom glìn ดมกลิ่น smell , sniff
pàrk ปาก mouth
lín ลิ้น tongue
rúb-rót รับรส taste
fun ฟัน tooth
kíew เคี้ยว chew
kor คอ neck , throat
gleun กลืน swallow
yâe แย่ badly,
khàd ขาด lack of
git-jà-gam  กิจกรรม activity
che-wit ชีวิต life
săm-kan  สำคัญ important

râang-gaai sòun năi bpen naai-yài (dton tîi 1 a-wai-ya-wa paai-nai) ร่างกายส่วนไหนเป็นนายใหญ่ (อวัยวะภายใน)

body parts inner organs

wan nùng a-wai-ya-wa dtàng dtàng khŏng naai Thian Sze gôr rêam tĭang gun

sa-mŏrng” bòrk wâa “chăn bpen  naai-yài tîi-sùd      práw  thâr sa-mŏrng mâi tum-ngan        kon gôr jà kíd a-rai mâi-dâi     tam a-rai mâi-dâi”

hŭa-jai”  bòrk wâa  “ pìd láew  , chăn aeng bpen naai-yài khŏng râang-gaai      práw  thâr hŭa-jai  mâi tum-ngan     kon gôr jà dtaai    práw khàrd lêud láe oxygen”

ra-bòb prà-sàrt”  bòrk wâa  “mâi jing !!      thâr ra-bòb prà-sàrt   mâi tum-ngan         râang-gaai gôr jà  mâi mii  kwaam rúu-sùk hĭew , năow , równ , jèb        nai- tîi-sùd gôr jà dtaai”

dtùb” tĭang wâa    “krai bòrk !! chăn bpen rong-ngan yài tîi tum-ngan  mâak  maai hâi  râang-gaai         thâr chăn mâi tum-ngan     kon dtông dtaai  nâe nâe   

táng  sa-mŏrng , hŭa-jai , ra-bòb prà-sàrt , dtùb     kíd wâa dtua-aeng săm-kan tîi-sùd         jung yùd tum-ngan pêua duu wâa krai jà  bpen naai-yài tîi-sùd   

nai-tîi-sùd    naai Thian Sze gôr dtaai  práw  a-wai-ya-wa khàeng gun bpen  naai-yài      

ร่างกายส่วนไหนเป็นนายใหญ่ (ตอนที่ 1  อวัยวะภายใน)

วันหนึ่งอวัยวะต่างๆ ของนายเทียน ซี ก็เริ่มเถียงกัน

 “สมอง” บอกว่า “ฉันคือนายใหญ่ที่สุด เพราะถ้าสมองไม่ทำงาน  คนก็จะคิดอะไรไม่ได้ ทำอะไรก็ไม่ได้”

“หัวใจ” บอกว่า “ผิดแล้ว ฉันเองเป็นนายใหญ่ของร่างกาย เพราะถ้าหัวใจไม่ทำงาน  คนก็จะตายเพราะขาดเลือดและอ๊อกซิเจน”

“ระบบประสาท” บอกว่า “ไม่จริง!! ถ้าระบบประสาทไม่ทำงาน ร่างกายก็จะไม่มีความรู้สึก หิว หนาว ร้อน เจ็บ ในที่สุดก็จะตาย”

“ตับ” เถียงว่า “ใครบอก!! ฉันเป็นโรงงานใหญ่ที่ทำงานมากมายให้ร่างกาย  ถ้าฉันไม่ทำงาน คนต้องตายแน่ ๆ

ทั้ง สมอง หัวใจ ระบบประสาทและตับ  คิดว่าตัวเองสำคัญที่สุด จึงหยุดทำงาน  เพื่อดูว่าใครจะเป็นนายใหญ่ที่สุด

ในที่สุดนายเทียน ซี ก็ตาย เพราะอวัยวะต่างๆ แข่งกันเป็นนายใหญ่

râang-gaai ร่างกาย body
sòun ส่วน part
naai-yài นายใหญ่ big boss
dton tîi  1  ตอนที่ 1 Part 1
a-wai-ya-wa อวัยวะ organs
paai-nai ภายใน internal
rêam เริ่ม start
tĭang gun เถียงกัน argue
sa-mŏrng สมอง brain
hŭa-jai หัวใจ heart
ra-bòb prà-sàrt ระบบประสาท nervous system
dtùb ตับ liver
lêud เลือด blood
kíd คิด think
pìd ผิด wrong
kwaam rúu-sùk ความรู้สึก feeling
hĭew หิว hungry
năow หนาว be cold
równ ร้อน be hot
jèb เจ็บ hurt, ache, be sore, feel painful
dtaai ตาย die
rong-ngan โรงงาน factory
dtua-aeng ตัวเอง one self
săm-kan tîi-sùd         สำคัญที่สุด the most important
khàeng gun แข่งกัน competitive

garn hâi kue kwaam-sùk การให้คือความสุข

lung khŏng chăn mâi koei sŏrn wâa          dtông bàeng-pan hâi kon-eùn

chăn hěn pêuan-bâan maa-hăa lung bòi bòi       pôuk-kăo maa práw dtông-gaan khwam-chôui-lěua       túg-kráng lung jà chôui pôuk-kăo     lung jà bàeng-pan khŏng-gin  khŏng- chai hâi kon-eùn sà-mŏe

lung rák chăn láe duu-lae chăn dii-mâak     máe-wâa chăn mâi châi lûug khŏng lung       lung mâi dtông sŏrn chăn dôui kum-pûud               dtàe lung sŏrn chăn dôui garn-gra-tam      lung tam dii sà-mŏe         tŭg-kon jeung rák lung mâak

ลุงของฉันไม่เคยสอนว่า  ต้องแบ่งปันให้คนอื่น  ต้องรักคนอื่น  ต้องช่วยเหลือคนอื่น 

ฉันเห็นเพื่อนบ้านมาหาลุงบ่อย ๆ พวกเขามาเพราะต้องการความช่วยเหลือ   ทุกครั้งลุงจะช่วยพวกเขา  ลุงแบ่งปันของกิน  ของใช้ให้คนอื่นเสมอ 

ลุงรักฉันและดูแลฉันดีมาก   แม้ว่าฉันไม่ใช่ลูกของลุง   ลุงไม่ต้องสอนฉันด้วยคำพูด  แต่ลุงสอนฉันด้วยการกระทำ  ลุงทำดีเสมอ  ทุกคนจึงรักลุงมาก 

garn hâi การให้ giving
sŏrn สอน teach
bàeng-pan แบ่งปัน share
kon-eùn คนอื่น others
pêuan-bâan เพื่อนบ้าน neighbor
maa-hăa มาหา come to meet, visit
bòi bòi       บ่อย ๆ often
práw เพราะ because
dtông-gaan ต้องการ want
khwam-chôui-lěua       ความช่วยเหลือ helping
túg-kráng ทุกครั้ง every time
pôuk-kăo     พวกเขา they , them
khŏng-gin  khŏng- chai ของกินของใช้ consumer product
kum-pûud คำพูด words
garn-gra-tam      การกระทำ action

kong jà yùu dâi mâi naan คงอยู่ได้ไม่นาน

tîi clinic  glâi glâi Somerset          wan-níi clinic mii kon-khâi  yé maak maak        dtông ror Q naan maak maak         kon-khâi  bang kon ror  3 chûa-mong              bang kon ror 4 chûa-mong

lung William        maa tîi clinic  dtâng-dtàe 5 mong yen                dton-níi glâi jà 2 tóom láew      pêung jà dâi pob mŏr

lung William    :  khun mŏr krub    phŏm bpòud-hŭa      bpòud-tórng    bpòud-lăng    jèb-kor láe ai dôui

khun mŏr           :  hâi mŏr check duu gòrn na krub

lung William    :  phŏm bpen arai krub

khun mŏr           :  mŏr sĭa-jai dôui na      tîi dtông bòrk

lung wâa    lung “kong jà   yùu dâi mâi naan”  

lung William    :  (shock mâak)     phŏm  gum-lang jà dtaai châi mái krub ?     mêua-gíi  khun mŏr bòrk wâa  phŏm “kong jà yùu dâi mâi naan”  

khun mŏr           :  mâi châi krub      tîi mŏr bòrk wâa  lung

“kong jà yùu dâi mâi naan” práw clinic bpìd 2

tóom    láe dton-níi clinic gôr bpid lăew

ที่คลีนิคใกล้ ๆ somerset    วันนี้คลีนิคมีคนไข้เยอะมาก ๆ  ต้องรอคิวนานมาก ๆ   คนไข้บางคนรอ 3 ชั่วโมง   บางคนรอ 4 ชั่วโมง

ลุงวิลเลี่ยม มาที่คลีนิคตั้งแต่ 5 โมงเย็น    ตอนนี้ใกล้จะ 2 ทุ่มแล้ว เพิ่งจะได้พบคุณหมอ

ลุงวิลเลี่ยม   :       คุณหมอครับ  ผมปวดหัว     ปวดท้อง  ปวดหลัง  เจ็บคอและไอด้วย

คุณหมอ       :        ให้หมอเช็คดูก่อนนะครับ

ลุงวิลเลี่ยม   :        ผมเป็นอะไรครับ

คุณหมอ       :         หมอเสียใจด้วยนะ ที่ต้องบอกลุงว่า ลุงคงจะอยู่ได้ไม่นาน พรุ่งนี้มาเช็คอีกที

ลุงวิลเลี่ยม   :        (ช๊อคมาก)  ผมกำลังจะตายใช่ไหมครับ  เมื่อกี๊คุณหมอบอกว่าผมคงอยู่ ได้ไม่นาน

คุณหมอ       :         ไม่ใช่ครับ ที่ผมบอกว่าลุงคงจะอยู่ได้ไม่นาน  เพราะคลีนิคปิด 2 ทุ่ม  และตอนนี้คลีนิคก็ปิดแล้วครับ  

kong jà คงจะ may be , might
glâi glâi ใกล้ ๆ near to , closer
kon-khâi  คนไข้ patient
yé maak maak        เยอะมาก ๆ many
ror naan รอนาน wait long
chûa-mong ชั่วโมง hour
dtâng-dtàe ตั้งแต่ since
2 tóom 2 ทุ่ม 8 pm
bpòud-hŭa      ปวดหัว headache
bpòud-tórng ปวดท้อง stomachache
bpòud-lăng    ปวดหลัง back pain
jèb-kor เจ็บคอ sore throat
ai ไอ cough
gòrn ก่อน first ,before
sĭa-jai เสียใจ sorry , regret
dtaai ตาย die
bpid ปิด close

gin arai dii กินอะไรดี

DSC 0116

“rêung gin” bang-tee gôr bpen pun-hăa         chên………mâi rúu jà gin arai dii    mâi rúu jà bpai gin tîi năi dii               mâi rúu jà gin gùb krai dii        mâi rúu jà gin gìi mong dii           mâi rúu wâa ráan níi jà aroi mái        mâi rúu wâa thâr gin paeng gern-bpai  jà mii ngen jàai mái  55555      bpen pun-hăa  láew  châi mái ?

wan-níi chán gôr mii pun-hăa “rêung gin”      wan-níi bpen wan-yòod  khŏng chán       chán choun lôog-chaai khŏng chán bpai gin kâow   

payu           : bpai gin arai dii krub ?

kruu Kate          : láew  dtàe lôog

payu         : mâe yàak gin arai dii krub ?

kruu Kate          : láew  dtàe lôog

payu         : bpai gin tîi  năi dii krub ?

kruu Kate          : láew  dtàe lôog

payu         : bpai gin  gìi mong dii krub ?

kruu Kate          : láew  dtàe lôog

payu         : OK   mâe bpai gin kon-diew gôr láew gun

kruu Kate          : oh !!!!!!!!

 “เรื่องกิน” บางทีก็เป็นปัญหา   เช่น ไม่รู้จะกินอะไรดี    ไม่รู้จะไปกินที่ไหนดี    ไม่รู้จะไปกินกับใครดี   ไม่รู้จะไปกินกี่โมงดี    ไม่รู้ว่าร้านนี้จะอร่อยไหม  ไม่รู้ว่าถ้ากินแพงเกินไปจะมีเงินจ่ายไหม 55555     เป็นปัญหาแล้วใช่ไหม

วันนี้ฉันก็มีปัญหาเรื่องกิน  วันนี้เป็นวันหยุดของฉัน   ฉันชวนลูกชายของฉันไปกินข้าว 

พายุ             :  ไปกินอะไรดีครับ

ครูเคท                            :  แล้วแต่ลูก

พายุ             :  แม่ อยากกินอะไรดีครับ 

ครูเคท                            :  ไม่รู้ คิดไม่ออก

พายุ             :  ไปกินที่ไหนดีครับ 

ครูเคท                            :  แล้วแต่ลูก

พายุ             :  ไปกี่โมงดีครับ

ครูเคท                            :  แล้วแต่ลูก

ลูกชาย        :  โอเค แม่ไปกินคนเดียวก็แล้วกัน

ครูเคท                           :  อ้าว  !!!!!!!!

rêung gin เรื่องกิน eating
pun-hăa         ปัญหา problem
arai อะไร what
tîi năi ที่ไหน where
krai ใคร who
gìi mong กี่โมง what time
châi mái ใช่ไหม right ?
paeng gern-bpai แพงเกินไป Too expensive
jàai จ่าย pay
wan-yòod วันหยุด holiday , day off
choun ชวน persuade
láew  dtàe แล้วแต่ up to  (you)
kon-diew คนเดียว alone